วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week : 5 หนีแดดเมืองไทยไปพักในสวนจิ๋ว

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดสวนในขวดแก้ว หรือ Terrarium

เนื้อจากคนในยุคนี้มีพื่นที่ส่วยใหญ่เป็นคอนกรีดและตึกที่สูงเท่าๆกับฟ้า คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองไม่ค่อยมีเวลาว่างในการพักผ่อนซึ่งบ้างคนอยากหยุดพักและอยากทำกิจกรรมอะไรสักอย่างแต่ไม่อยากออกจากบ้าน วันนี้เราเลยมีกิจกรรมที่ไม่ต้องออกจากบ้านไม่ต้องตากแดดเมืองและเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้าน 
กิจกรรมที่กล่าวมานี้ทำง่ายนิดเดียวคือ การจัดสวนในขวดแก้ว หรือ Terrarium

การจัดสวนในขวดแก้ว หรือ Terrarium

ที่มา : http://nylonthailand.com/greenie-in-a-bottle/

การจัดสวนในขวดแก้วทำได้ทั้งคนมีสวนและคนที่ไม่มีพื้นที่ในการจัดสวน เช่น คอนโด ห้องพัก
ว่างบนโต๊ะทำงาน 
สวนในขวดแก้ว หรือ Terrarium ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยเพราะมันมีมานานมากแล้วค่ะมีตั้งแต่สมัยสมัยวิคตอเรีย 

บ้างคนสงสัยว่าสวยในขวดแก้ว หรือ Terrarium คืออะไร

มันก็คือการจักสวนชนิดหนึ่ง แต่นำมาย่อๆให้เล็กๆน่ารักๆแล้วจักอยู่ในขวดแก้วรูปแบบต่างๆ สวยในขวดแก้วก็ไม่ต่างอะไรกับ สวนถาดเลยค่ะ 

สวนในขวดแก้วมี 2แบบ

1. ระบบปิด 

ที่มา : http://pantip.com/topic/30454696


 การจัดสวนระบบปิดนั้นเหมาะสำหรับคนขี้ลืมลืมทุกอย่างจริงๆจังๆลืมรดน้ำอะไรประมาณนั้นค่ะ

2.  ระบบเปิด

ที่มา : http://pantip.com/topic/30454696

สำหรับการจัดสวนระบบเปิดนั้น ต้องดูแลเป็นอย่างดีต้องให้น้ำเป็นประจำ เพราะสารในระบบมีถ่ายเทกับสิ่งแวดลอมตลอดเวลา 

อุปกรณ์ในการทำสวนในขวดแก้ว

อุปกรณ์

1. ขวดแก้ว(ตามที่เราสนใจเลยค่ะ)
2. มอสสดๆ
3. มอสแห้ง
4. ดิน , หิน , กรวดสวยงาม , อาจมีถ่านก็ได้
5. ของตกแต่ง
6. กรรไกร , ช้อน , ตะเกียบปลายแหลม คีมสำหรับคีบต้นไม้
7. กระบอกฉีดน้ำหรือฟอกกี้

ขั้นตอนการทำ

1. ใส่ทรายหยาบหรือกรวด
2. ใส่มอสแห้ง
3. อาจบดถ่านเพื่อดับกลิ่นก้ได้นะค่ะ
4. ใส่ดินลงไปเลยค่ะไม่ควรใช้ปุ๋ยนะค่ะเพราะจะทำให้ต้นไม้ใหญ่กว่าขวดได้
5. ขุดหลุมเล็กๆ ที่เหมาะสำหรับในการวางต้นไม้
6. นำต้นไม้ที่เตรียมไว้เอามาใส่ในหลุม
7. นำของที่ตกแต่งมาตกแต่ง
ขอขอบคุณภาพสวยจาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week : 4 โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์

วันนี้มาทำความรู้จักโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์กันดีกว่านะค่ะ

ภาษาคอมพิวเตอร์

1. ภาษาเครื่อง

เป็นภาษาที่ใช้กันมานานนนนนมากๆตั้งแต่เริ่มมีคอมกันใหม่เลยที่เดียว  ภาษาเครื่องเป็นภาษาที่มีแต่ตัวเลขทั้งหมดในการใส่ตัวเลขนั้นทำให้ทำงานและเข้าถึงได้ทันที คนที่จะเขียนโปรแกรมต้องจำตัวเลขหรือต้องคำนวนเลขได้แม่นยำและได้ทั้งหมด ตัวเลขอาจมีถึง1-1000 แล้วแต่ขนาดเครื่อง ภาษาเครื่องนั้น เป็นภาษาที่เครื่องเข้าใจอย่างเดียว ประกอบด้วยเลข2ตัว คือ 0 กับ 1 เลขทั้งสองตัวใช้ในการเขียนภาษาคอมได้เท่านั้น

ข้อเสียของภาษาเครื่องคือ

- มีความผิดพลาดมาก- ต้องใช้เวลาจำมาก เพราะ ตัวเลขเยอะ- ไม่สวก เนื่องจาก ถ้าเปลื่ยนคอมใหม่ก็ต้องลงภาษาเครื่องใหม่

2. ภาษาระดับต่ำ

ภาษาระดับต่ำเป็นภาษาที่ได้รับการพัฒนามาจากภาษาเครื่องให้ดีขึ้นนั้นเองและภาษาระดับต่ำยังใกล้เคียงกับภาษาเครื่องมากที่สุดในบ้างครั้งก็เรียกว่า ภาษาอิงเครื่อง ภาษาระดับต่ำนี้จะมีการใช่ตังอักษรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะค่ะ เช่น ADD คือ บวกนะ SUB คือ ลบ อะไแบบนี้ค่ะ

3. ภาษาระดับสูง

ภาษาระดับสูงเป็นเป้นภาษาที่ใช่ง่ายขึ้นเนื่องจากผุ้สร้างสร้างให้รัดกุม และจำงาน สะดวกต่อการใช่ที่มากขึ้น ภาษาระดับสูงมีมากมายหลายภาษา อาทิเช่น ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN) ภาษาโคบอล (COBOL) ภาษาปาสคาล (Pascal) ภาษาเบสิก(BASIC) ภาษาวิชวลเบสิก (Visual Basic) ภาษาซี (C) และภาษาจาวา (Java) เป็นต้น

ภาษระดับสูงที่จะยกตัวอย่างนี้ได้แก่

ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN)

เป็นภาษาที่เก่าแก่ที่สุด ส่วนมากจะใช่ในการคำนวนเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์

- ภาษาเบสิก

เป็นภาษาที่เขียนง่าย ผู้เขียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ เป็น ภาษาที่ได้รับการคิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่วิทยาลัยดาร์ทมัธ (Dartmouth College) และเผยแพร่เป็นทางการในปี พ.ศ. 2508ภาษาเบสิกเป็นภาษาที่สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้สอนเพื่อใช้สอน เขียนโปรแกรมแทนภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาอื่น เช่น ภาษาฟอร์แทรน ซึ่งมีขนาดใหญ่และต้องใช้หน่วยความจำสูงในการทำงานภาษาเบสิกเป็นภาษาที่มีขนาดเล็ก เป็นตัวแปลภาษาชนิดที่เรียกว่าอินเทอร์พรีเตอร์

4. ภาษาระดับสูงมาก

ภาษาระดับสูงมาก เป็นภาษาที่เขียนโปรแกรมหรือออกคำสั้งด้วยคำสั้น และใช้งานง่ายกว่าระดับอื่นมาก

ข้อดีของภาษาระดับสูง

- สะดวกรวดเร็ว
- สามารถเขียนคำสั่งได้ง่านขึ้น

5. ภาษาธรรมชาติ

เป็นภาษาที่เรียนรู้ด้วยตัวของมันเอง เครื่องจะนำไปวิเคราะห์ หรือ เรียนรู้โดยการแปลความหมาย การสั่งงานโดยการใช้ รูปภาพ หรือ เสียง เป็นต้น

ในโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์นี้จะขอยกตัวอย่างภาษาซี

ประวัติของภาษาซี

ถูกพัฒนาโดยเดนนิส ริดชี (Dennis Ritche) แห่งห้องทดลองเบลล์ (Bell Laboratories) ที่เมอร์รีฮิล มลรัฐนิวเจอร์ซี่ โดยเดนนิสได้ใช้หลักการของภาษา บีซีพีแอล (BCPL : Basic Combine Programming Language) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยเคน ทอมสัน (Ken Tomson) การออกแบบและพัฒนาภาษาซีของเดนนิส ริดชี มีจุดมุ่งหมายให้เป็นภาษาสำหรับใช้เขียนโปรแกรมปฏิบัติการระบบยูนิกซ์ และได้ตั้งชื่อว่า ซี (C) ภาษาซีเป็นทั้งภาษาระดับสูงและต่ำด้านที่ทำให้ภาษาซีเรียกว่าภาษาระดับสุงมากว่าเพราะมีการทำงานที่คล้ายๆกันมากส่วนด้านที่เรียกว่าระดับต่ำเมื่อภาษาซีเข้าใจหรือเข้าถึงภาาาระดับสูงแล้วก็ต้องเข้าใจภาาาระดับต่ำตามมาทำให้ภาษาซีเป้นที่รุ้จักกันมากในหมู่นักพัฒนาโปรแกม

ข้อเสียของภาษาซี

- ซับซ้อน
- ไม่เหมาะต่อการทำงานออกแบบ
- ในการตรวจสอบทุกครั้งยุ่งยากเพราะการตรวจเป็นไปได้ยากมาก
ขอขอบคุณ
http://www4.csc.ku.ac.th/~b5340204758/lean7.html
ขอขอคุณรูปจาก

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week : 3 Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

Social Network

Social Network คือ สังคมเครือข่ายขนาดใหญ่ ซึ่งผู้ติดต่อกลุ่มหนึ่งสามารถติดต่อสื่อสารคนที่รู้จักหรือไม่รู้จักได้ร่วมไปถึงเพื่อนหรือญาติหรือคนสนิดอีกนับร้อย การเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คต้องมีการผ่านอินเตอร์เน็ตจึงจะสามารถเล่นได้ นักเรียนและสังคมไทยมีการเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คมากไม่ว่าจะเป็นวัยทำงาน หรือ วัยเรียน โซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นสิ่งจำเป็นนอกจากจะติดต่อสื่อสารได้ยังสามารถใช่ในการทำงานได้เป็นอย่างดี โซเชียลเน็ตเวิร์คที่เล่นบนอินเตอรืเน็ตได้แก่ facebook , facebook messenger, twitter , tango และยังมีอื่นๆอีกมากมาย

เรามาทำความรู้จักโซเชียลเน็ตเวิร์คบนอินเตอร์เน็ตที่นักเรียนและสังคมไทยนิยมใช่กันอย่างแพร่หลายกันดีกว่าค่ะ



Facebook




facebook ใครที่ยังไม่มีหรือยังไม่สมัคนี้ถือว่าขาดอะไรไปบ้างอย่างเพราะจากจะไม่รู้ข่าวสารแล้วคุณอาจจะพูดกับเพื่อนของคุณไม่รู้เรื่องเลยก้ว่าได้ facebook สามารถแชร์ขอมูล รูปภาพหรือข้อความ ให้ผู้อื่น หรือ เพื่อนรับรู้ได้

Facebook Messenger


Facebook Messenger เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกับ facebook เป็นแฝดแท้ เพราะเป็นแอพพิเคชั่นที่ facebook ส่งออกมาเพื่อลดขั้นตอนในการแชทกับเพื่อน แอพพิเคชั่นตัวนี้ใช้สำหรับการแชทอย่างเดียว

Twitter 



Twitter  เป็นแอพพิเคชั่นที่แชร์ได้ทั้งภาพและข้อความแต่ข้อความนั้นก็ได้มีการจำกัดตัวอักษรไว้ให้ได้ไม่เกิน 140 ตัวอักษร แต่ก่อนไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไหร่แต่สมัยและสังคมนี้ twitter ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากลองจาก facebook เลยที่เดียว

Skype


Skype เป้นแอพพิเคชั่นที่ส่งสารด้วยสัญญาณเสียง หรือ วิดีโอ และยังสามารถ ววิดีโอหลายคนพร้อมๆกันได้ระบบภาพคนชัดการประชุมสายเห็นหน้าพร้อมกันสามารถทำได้ถึง 10 สาย

ขอขอบคุณ

http://www.microbrand.co/social-network-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3
http://hitech.sanook.com/1261319/

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week 2 : รบอย่างไม่กลัวตาย Ragnarök & Vikings

สวัสดีค้าาาาาาาาาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆและทุกๆคนที่เข้ามาชมนะค่ะ
เรามารู้จักกันก่อนแล้วกันนะ ชื่อ โรส อยู่มอ6/9 วันนี้ก็จะมาทำเกียวกับเรื่อง ชาวไวกิ้ง (Vikings) 
และ ตำนานแรคน่าร็อค (Ragnarök) เพื่อนๆหลายคนคงอาจได้ยินชื่อ หรือ ตำนานและเรื่องเล่ามาบ้างแล้วก็ตาม เรามาเริ่มเรื่องแรกกันเลยดีกว่า

  • ชาวไวกิ้ง(Vikings)



ชนเผ่านี้เป็นนักเดินเรือที่ชำนาญ กล้าที่จะนำเรือแล่นออกไปในมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อหาหมู่เกาะเป็นดินแดนทำทาหากินให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากการรบกวนของชนเผ่าอื่น ไวกิงจึงเป็นชาวยุโรปพวกแรกที่เดินเรือออกไปนอกทะเลลึก และลอยลำอยู่ท่ามกลางลูกคลื่นและแสงแดด มองไปรอบด้ายจะเห็นแต่ขอบฟ้าและพื้นน้ำเท่านั้น แต่ในการค้นหาแผ่นดินใหม่ พวกไวกิงใช้วิธีปล่อยนกดุเหว่าที่นำติดไปกับเรือด้วยให้ออกจากกรงขัง เมื่อนกดุเหว่าหลุดออกจากกรงขัง มันจะโผบินเป็นวงกลมสูงขึ้นไปในอากาศ ถ้ามันบินกลับย้อนทางเดิม ก็หมายความว่าเบื้องหน้าต่อไปนั้นจะไม่มีแผ่นดินอยู่เลย แต่ถ้ามันบินพุ่งไปในทะเลทางทิศใดทิศทางหนึ่ง พวกไวกิงก็ทราบได้ทันทีว่า ทิศทางนั้นต้องมีผืนแผ่นดินอยู่ไกลลับสายตาเบื้องหน้าโน้น ซึ่งพวกเขาจะนำเรือออกค้นความจนพบดินแดนนั้นได้

ไวกิงได้ยกกองทัพบุกอังกฤษ ทางชายฝั่งนอร์ทัมเบรีย ตอนเหนือของประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 1336 บุกเผาทำลายโบสถ์แห่งลินดิสฟาร์นและฆ่าพระบาทหลวงจนหมด ในอีกสองปีต่อมาก็ได้รุกลึกเข้าไปในแผ่นดินใหญ่อังกฤษในพื้นที่ที่เป็นสกอตแลนด์ปัจจุบัน บุกโจมตีไอร์แลนด์และตั้งราชอาณาจักรไวกิงที่เมืองดับลิน ลิเมอริก และวอเตอร์ฟอร์ด แม้เมื่อแรกพวกไวกิงจะทำลายวัดและฆ่าพระ แต่ในที่สุดชาวไวกิงได้เข้ารีตเป็นคริสต์ศาสนิกชน ไวกิงยึดครองเมืองต่าง ๆ ได้หลายเมือง กษัตริย์ไวกิงที่มีนามว่า แฮรัลด์ บลูทูท (Harald Bluetooth) ได้เข้าปกครองอังกฤษและไอร์แลนด์
ด้วยธรรมชาติของการเป็นนักจู่โจมทางเรือโดยทางทะเลซึ่งจะต้องเข้มแข็ง ดุดันและไม่กลัวอันตราย ชาวไวกิงจึงมีกิตติศัพท์หรือได้สมญาว่าเป็นพวกโหดเหี้ยมทารุณและเป็นนักทำลายล้าง แต่ในฐานะของพ่อค้าและนักปกครองอาณานิคม ชาวไวกิงนับได้ว่าเป็นผู้มีบทบาทและอิทธิพลสูงทางดีในด้านการพัฒนายุโรปยุคกลาง การตั้งถิ่นฐานโพ้นทะเลในยุคแรกๆ ของชาวไวกิงได้แก่การตั้งเมือง "ออร์กนีย์" และที่หมู่เกาะ "เชตแลนด์" ซึ่งอยู่ในการปกครองของนอร์เวย์เรื่อยมาและสิ้นสุดเมื่อ พ.ศ. 2015
  • ตำนานแรคน่าร็อค (Ragnarök)

ในอดีตคือ เป็นชื่อหนึ่งในตำนานชาวเหนือ (Norsemen) หมายถึงช่วงวาระสุดท้ายของเทพต่างๆ (คล้าย วันพิพากษาโลกในศาสนาคริสต์) โดยได้แบ่งฝ่ายกันต่อสู้จนตายเกือบหมดทั้งสามโลก เหลือรอดอยู่ไม่กี่องค์ แต่ก็พอที่จะสร้างโลกใหม่ที่เราอยู่กันทุกวันนี้ ภาวะอันวุ่นวายในช่วงเวลาดังกล่าวนี่แหละ ที่ทำให้ศิลปินสมองใสชาวญี่ปุ่นนำมาเขียนเป็นการ์ตูนให้เด็กอ่านติดกันงอมแงม แล้วชาวเกาหลีก็เอาไปสร้างเป็นเกมส์อีกที

ชาวเหนือเชื่อกันว่า จักรวาลแบ่งออกเป็นเก้าโลก เป็นของชาวสวรรค์กับพวกเอลฟ์ ตัวขาวเสียสาม เป็นของมนุษย์ ซึ่งเรียกว่า แผ่นดินมิดเดิ้ลการ์ด คนแคระ เอลฟ์ตัวดำ และยักษ์นํ้าแข็งอีกสี่ และใต้พิภพอีกสอง ทว่าความไม่ลงรอยกันในระหว่างเผ่าพันธุ์ เหล่านี้เริ่มมาตั้งแต่โลกเริ่มต้น ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตสิ่งแรก โผล่ออกมาจากภาวะนํ้าแข็ง และไฟที่รุนแรง โดยเฉพาะระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็ง ความสัมพันธ์อันหมิ่นเหม่เปราะบาง ถูกทอนให้ร่อยลงทุกทีด้วยความเกลียดชัง ระหว่างกัน เสริมด้วยฟืนแห่ง ความโกรธแค้นนานาประการ ตั้งแต่ที่ โลกิ เทพจอมโกง หากลวิธีเข่นฆ่า บาลเดอร์ เทพแห่งความงามและความดี ก่อให้เกิดความแค้นคุอยู่ในใจเทพทั้งมวล ยิ่งนานวันความกระหายจะทำสงครามก็ปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงรักนาร็อค ความเดือดดาล ความโลภ และความเกลียดชังก็ระเบิดออกมา ในรูปของสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ในตำนานของชาวเหนือ

สงครามระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็งครั้งนี้เกิดบนทุ่งวิกฤติ (Vigrid-วิกริด ฟังแล้วเหมือน วิกฤติ และความหมายก็แทบจะคล้ายกันด้วย) หลังจากฤดูหนาว แสนทารุณที่ยาวเหยียดถึงสามปี พวกเทพนำโดย โอดิน ธอร์ รวมทั้งวิญญาณนักรบผู้กล้าที่ขึ้นไปอยู่ในวัลฮัลลา ส่วนพวกยักษ์นำโดยโลกิ เทพจอมโกง กับวิญญาณจากนรก หมาป่า เฟนเรอ (Fenrir) และสัตว์ ประหลาดจากท้องทะเล จอร์มุน กานด์ (Jormungand)

เริ่มด้วยสวรรค์ แอสการ์ดถูกทำลายลง และสะพานรุ้งนํ้าแข็ง ก็ถูกยักษ์เซิร์ทจุดไฟเผาจอร์มุนกานด์ (พญางูแห่งมิดเดิ้ลการ์ด) ดีดตัวขึ้นจาก ทะเลที่กำลังเดือดขึ้น ไปโอบตัวเหนือทุ่งวิกฤติ พ่นพิษไปทั่วทุกทิศทาง หมาป่าเฟนเรอแหกที่คุม ขัง พาฝูงหมาป่าเข้าพิฆาตมนุษย์ มันไม่เพียงแต่จะทำลายล้าง สิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่กลืนกินดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ จน โลกทั้งโลกตกอยู่ในความมืด โลกิจอมลวงแล่นเรือพายักษ์นํ้าแข็งข้ามทะเล ที่ปั่นป่วนไปสู่ทุ่งสังเวียน ขณะที่ เฮล ลูกสาวของเขาก็พาวิญญาณขึ้นมาจากนรก มันเป็นสงครามที่แม้แต่ อิกดราซิล (Yggdrasil) ต้นไม้แห่งจักรวาลก็ยังสั่นไหว ด้วยแรงแค้นแห่งผู้อาศัยทั้งมวล

โอดินผู้ล่วงรู้ชะตาลิขิต ถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องแพ้สงคราม แต่ก็สู้จนเลือดหยาดสุดท้ายอย่างกล้าหาญ ในที่สุดโอดินถูกเฟนเรอฆ่า ส่วนธอร์ โอรสของโอดิน แม้จะสังหารจอร์มุนกานด์ได้ แต่ พิษของมันทำให้เขาสิ้นชีพ โลกิปลํ้าอยู่กับ เฮมดาล เทพแห่งแสงสว่างคู่ปรับตลอดกาล และต่างคนต่างตายเพราะคมดาบของอีกฝ่าย หมู่บริวารไม่ว่าเทพ หรือยักษ์ต่างล้มตายเกลื่อนกลาด ทั่วท้องทุ่งเต็มไปด้วยซากศพ

ครั้นแล้ว เมื่อสงครามแผ่วลง จนเซิร์ทยักษ์แห่งไฟเห็นว่าพวกตน ไม่มีทางชนะอย่างเด็ดขาด ก็กวัดแกว่งดาบเวียนเหนือศีรษะ จุดไฟให้ลุกทั่วทั้งเก้าโลก เผาผลาญราชวังแอสการ์ดแห่งสวรรค์ มิดเดิ้ลการ์ดแผ่นดินของมนุษย์ รวมทั้งแผ่นดินนรกใต้พื้นพิภพ หวังให้ไฟนั้น "ล้าง" ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้มีอะไรเหลือ แผ่นดินจมหายลงไปใต้สมุทรอันเดือดพล่าน เป็นการสิ้นสุดจักรวาลของชาวเหนือ

  • ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไวกิ้ง



ไวกิ้งที่เราได้เห็นภาพยนตร์หลายเรื่องนั้น ส่วนใหญ่มักตัวใหญ่น่ากลัวสวมหมวกขนสัตว์ โหดร้ายป่าเถื่อนชอบปล้นทรัพย์ฆ่าและข่มขื่นหญิงชาวบ้าน อีกทั้งตัวสกปรก ไร้สมอง เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของยุโรปอย่างแท้จริง นี้คือความรู้ที่ผิด
จากการศึกษาประวัติศาสตร์พบว่าไวกิ้งไม่โหดร้ายอย่างที่คุณคิด ไวกิ้งไม่ใช่นักรบอย่างเดียว 
หากแต่เป็นพ่อค้าและนักตั้งถิ่นฐานที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนายุโรปกลาง พวกเขาอาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง ในวันเสาร์เท่านั้น(อย่าลืมว่าอากาศยุโรปมันหนาว) ที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่พวกเขาสูงแค่ 170 ซม. 
ซึ่งไม่สูงอย่างที่เราเข้าใจกัน ผมและหนวดสีทองที่เราเห็นในภาพยนตร์เป็นเพียงอุดมคติความเชื่อ

ในวัฒนธรรมไวกิ้งที่ใช้สบู่พิเศษในการแต่งไม่ใช้เป็นมาตั้งแต่เกิด 


ขอขอบคุณ

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week 1 : เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน

 เรามาดูเทคโนโลยีที่เราใช้กันดีกว่าว่ามีประโยชน์และโทษอย่างไรบ้าง

ในปัจจุบันเทคโนโลยีสำคัญกับคนเราทุกช่วงอายุไม่ว่าจะวัยทำงานหรืออยู่ตำแหน่งไหนก็ตาม ทุกคนก็ล้วนมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกและยังย่นระยะเวลาในการทำงานหรือกิจกรรมต่างๆในทุกๆด้าน ในเมื่อมีผลดีก็ต้องมีผลเสียที่ตามมาของการใช้เทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน

  • Smartphone หรือ โทรศัพท์มือถือ
สมาร์ทโฟนคือโทรศัพท์มือถือที่นอกเหนือจากใช้โทรออก-รับสายแล้วยังมีแอพพลิเคชั่นให้ใช้งานมากมาย สามารถรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน 3G, Wi-Fi และสามารถใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คและแอพพลิเคชั่นสนทนาชั้นนำ

ที่มา : http://www.thaimobilecenter.com/spec/images_mobile.asp?id=3671

ข้อดีของ Smartphone

  • สามารถรับสารและโทรออกได้
  • การเล่นโซเชียลและการเล่นแอพพลิเคชั่นต่างๆ
  • การติดต่อสือสารโดยไม่ต้องโทร
  • สารมารถหาข้อมูลและทำงานบนโทรศัพท์ได้อย่างสะดวก

ข้อเสียของ Smartphone

  • ทำให้เสียเวลาในการเรียนหรือการทำงานได้
  • หากใช้งานเป็นเวลานานอาจทำให้เสียสุขภาพ
  • ทำให้เกิดอาการปวดหัวและอาจทำให้ดวงตาอ่อนล้า

  • Computer

ด้วยในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้มีขนาดเล็กลง และ ราคาก็ไม่แพงนัก คนทั่วไปสามารถซื้อหามาใช้ได้เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไป ในหน่วยงานทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ก็มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในหน่วยงานขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีการใช้สูงขึ้น
ที่มา : https://poppygis.wordpress.com/

ข้อดีของ Computer

  • สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ในจำนวนมาก
  • ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และ ทำงานได้ตลอดเวลา
  • ใช้ในการศึกษาหรือหาข้อมูลทำงาน
  • ประโยชน์ด้านการสื่อสาร และ ถ่ายทอดความคิด
  • ให้ความบันเทิง

ข้อเสียของ Computer

  • กินไฟบ้านเยอะ * ต้องดูที่ขนาดหน้าจอรวมถึงเวลาเปิดใช้งาน
  • ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยอยู่เสมอทั้งอุปกรณ์และโปรแกรม
  • ใช้งานนานเกินไปก็เสียสุขภาพการจ้องหน้าจอนานๆ เสียสายตา

  • Digital TV

ดิจิตอลทีวี เป็นการเปลี่ยนรูปแบบของการดูทีวีในปัจจุบัน ทำให้มีบริการใหม่ ๆ เกิดขึ้น ได้ภาพเสียงชัดเจนขึ้น และมีการใช้งานช่องความถี่ได้คุ้มค่ามากขึ้น
ที่มา : http://www.catdatacom.com/th/site/news/news_detail/111

ข้อดีของ Digital TV


  • คุณภาพในการรับชมดีขึ้น
  • สามารถการรับชมขณะอยู่ในพาหนะเคลื่อนที่ได้อย่างชัดเจน
  • ค่าใช้จ่ายในการออกอากาศต่อ 1 รายการลดลง
  • ใช้ประโยชน์จากช่องสัญญาณได้มากขึ้น

ข้อเสียของ Digital TV



  • เงินที่นำมาซื้อเครื่องใหม่จะมีมูลค่าสูงขึ้น
  • การที่จะสร้างเครื่องรับ 15 ล้านเครื่องในวันเดียวกันนั้นทำไม่ได้ดังนั้นจึงต้องใช้เครื่องรับโทรทัศน์เก่าไปก่อนและ แก้ปัญหาโดยทางสถานีโทรทัศน์ส่งสัญญาณทั้งในระบบอนาลอกแบบเดิม และส่งในระบบดิจิตอลควบคู่กันไป ผู้ใดที่ต้องการรับในระบบอนาลอกกรับไป ผู้ใดต้องการรับในระบบดิจิตอลก็รับไป
ขอขอบคุณ
https://poppygis.wordpress.com/
https://sites.google.com/site/tclubcomputert/home/advantages-and-disadvantages-of-the-computer
https://sites.google.com/a/bumail.net/digital-tv/