สวัสดีค้าาาาาาาาาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆและทุกๆคนที่เข้ามาชมนะค่ะ
เรามารู้จักกันก่อนแล้วกันนะ ชื่อ โรส อยู่มอ6/9 วันนี้ก็จะมาทำเกียวกับเรื่อง ชาวไวกิ้ง (Vikings)
และ ตำนานแรคน่าร็อค (Ragnarök) เพื่อนๆหลายคนคงอาจได้ยินชื่อ หรือ ตำนานและเรื่องเล่ามาบ้างแล้วก็ตาม เรามาเริ่มเรื่องแรกกันเลยดีกว่า
- ชาวไวกิ้ง(Vikings)
ชนเผ่านี้เป็นนักเดินเรือที่ชำนาญ กล้าที่จะนำเรือแล่นออกไปในมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อหาหมู่เกาะเป็นดินแดนทำทาหากินให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากการรบกวนของชนเผ่าอื่น ไวกิงจึงเป็นชาวยุโรปพวกแรกที่เดินเรือออกไปนอกทะเลลึก และลอยลำอยู่ท่ามกลางลูกคลื่นและแสงแดด มองไปรอบด้ายจะเห็นแต่ขอบฟ้าและพื้นน้ำเท่านั้น แต่ในการค้นหาแผ่นดินใหม่ พวกไวกิงใช้วิธีปล่อยนกดุเหว่าที่นำติดไปกับเรือด้วยให้ออกจากกรงขัง เมื่อนกดุเหว่าหลุดออกจากกรงขัง มันจะโผบินเป็นวงกลมสูงขึ้นไปในอากาศ ถ้ามันบินกลับย้อนทางเดิม ก็หมายความว่าเบื้องหน้าต่อไปนั้นจะไม่มีแผ่นดินอยู่เลย แต่ถ้ามันบินพุ่งไปในทะเลทางทิศใดทิศทางหนึ่ง พวกไวกิงก็ทราบได้ทันทีว่า ทิศทางนั้นต้องมีผืนแผ่นดินอยู่ไกลลับสายตาเบื้องหน้าโน้น ซึ่งพวกเขาจะนำเรือออกค้นความจนพบดินแดนนั้นได้

ด้วยธรรมชาติของการเป็นนักจู่โจมทางเรือโดยทางทะเลซึ่งจะต้องเข้มแข็ง ดุดันและไม่กลัวอันตราย ชาวไวกิงจึงมีกิตติศัพท์หรือได้สมญาว่าเป็นพวกโหดเหี้ยมทารุณและเป็นนักทำลายล้าง แต่ในฐานะของพ่อค้าและนักปกครองอาณานิคม ชาวไวกิงนับได้ว่าเป็นผู้มีบทบาทและอิทธิพลสูงทางดีในด้านการพัฒนายุโรปยุคกลาง การตั้งถิ่นฐานโพ้นทะเลในยุคแรกๆ ของชาวไวกิงได้แก่การตั้งเมือง "ออร์กนีย์" และที่หมู่เกาะ "เชตแลนด์" ซึ่งอยู่ในการปกครองของนอร์เวย์เรื่อยมาและสิ้นสุดเมื่อ พ.ศ. 2015
- ตำนานแรคน่าร็อค (Ragnarök)
ในอดีตคือ เป็นชื่อหนึ่งในตำนานชาวเหนือ (Norsemen) หมายถึงช่วงวาระสุดท้ายของเทพต่างๆ (คล้าย วันพิพากษาโลกในศาสนาคริสต์) โดยได้แบ่งฝ่ายกันต่อสู้จนตายเกือบหมดทั้งสามโลก เหลือรอดอยู่ไม่กี่องค์ แต่ก็พอที่จะสร้างโลกใหม่ที่เราอยู่กันทุกวันนี้ ภาวะอันวุ่นวายในช่วงเวลาดังกล่าวนี่แหละ ที่ทำให้ศิลปินสมองใสชาวญี่ปุ่นนำมาเขียนเป็นการ์ตูนให้เด็กอ่านติดกันงอมแงม แล้วชาวเกาหลีก็เอาไปสร้างเป็นเกมส์อีกที

สงครามระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็งครั้งนี้เกิดบนทุ่งวิกฤติ (Vigrid-วิกริด ฟังแล้วเหมือน วิกฤติ และความหมายก็แทบจะคล้ายกันด้วย) หลังจากฤดูหนาว แสนทารุณที่ยาวเหยียดถึงสามปี พวกเทพนำโดย โอดิน ธอร์ รวมทั้งวิญญาณนักรบผู้กล้าที่ขึ้นไปอยู่ในวัลฮัลลา ส่วนพวกยักษ์นำโดยโลกิ เทพจอมโกง กับวิญญาณจากนรก หมาป่า เฟนเรอ (Fenrir) และสัตว์ ประหลาดจากท้องทะเล จอร์มุน กานด์ (Jormungand)
เริ่มด้วยสวรรค์ แอสการ์ดถูกทำลายลง และสะพานรุ้งนํ้าแข็ง ก็ถูกยักษ์เซิร์ทจุดไฟเผาจอร์มุนกานด์ (พญางูแห่งมิดเดิ้ลการ์ด) ดีดตัวขึ้นจาก ทะเลที่กำลังเดือดขึ้น ไปโอบตัวเหนือทุ่งวิกฤติ พ่นพิษไปทั่วทุกทิศทาง หมาป่าเฟนเรอแหกที่คุม ขัง พาฝูงหมาป่าเข้าพิฆาตมนุษย์ มันไม่เพียงแต่จะทำลายล้าง สิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่กลืนกินดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ จน โลกทั้งโลกตกอยู่ในความมืด โลกิจอมลวงแล่นเรือพายักษ์นํ้าแข็งข้ามทะเล ที่ปั่นป่วนไปสู่ทุ่งสังเวียน ขณะที่ เฮล ลูกสาวของเขาก็พาวิญญาณขึ้นมาจากนรก มันเป็นสงครามที่แม้แต่ อิกดราซิล (Yggdrasil) ต้นไม้แห่งจักรวาลก็ยังสั่นไหว ด้วยแรงแค้นแห่งผู้อาศัยทั้งมวล
โอดินผู้ล่วงรู้ชะตาลิขิต ถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องแพ้สงคราม แต่ก็สู้จนเลือดหยาดสุดท้ายอย่างกล้าหาญ ในที่สุดโอดินถูกเฟนเรอฆ่า ส่วนธอร์ โอรสของโอดิน แม้จะสังหารจอร์มุนกานด์ได้ แต่ พิษของมันทำให้เขาสิ้นชีพ โลกิปลํ้าอยู่กับ เฮมดาล เทพแห่งแสงสว่างคู่ปรับตลอดกาล และต่างคนต่างตายเพราะคมดาบของอีกฝ่าย หมู่บริวารไม่ว่าเทพ หรือยักษ์ต่างล้มตายเกลื่อนกลาด ทั่วท้องทุ่งเต็มไปด้วยซากศพ
ครั้นแล้ว เมื่อสงครามแผ่วลง จนเซิร์ทยักษ์แห่งไฟเห็นว่าพวกตน ไม่มีทางชนะอย่างเด็ดขาด ก็กวัดแกว่งดาบเวียนเหนือศีรษะ จุดไฟให้ลุกทั่วทั้งเก้าโลก เผาผลาญราชวังแอสการ์ดแห่งสวรรค์ มิดเดิ้ลการ์ดแผ่นดินของมนุษย์ รวมทั้งแผ่นดินนรกใต้พื้นพิภพ หวังให้ไฟนั้น "ล้าง" ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้มีอะไรเหลือ แผ่นดินจมหายลงไปใต้สมุทรอันเดือดพล่าน เป็นการสิ้นสุดจักรวาลของชาวเหนือ
- ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไวกิ้ง
จากการศึกษาประวัติศาสตร์พบว่าไวกิ้งไม่โหดร้ายอย่างที่คุณคิด ไวกิ้งไม่ใช่นักรบอย่างเดียว
หากแต่เป็นพ่อค้าและนักตั้งถิ่นฐานที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนายุโรปกลาง พวกเขาอาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง ในวันเสาร์เท่านั้น(อย่าลืมว่าอากาศยุโรปมันหนาว) ที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่พวกเขาสูงแค่ 170 ซม.
ซึ่งไม่สูงอย่างที่เราเข้าใจกัน ผมและหนวดสีทองที่เราเห็นในภาพยนตร์เป็นเพียงอุดมคติความเชื่อ
ในวัฒนธรรมไวกิ้งที่ใช้สบู่พิเศษในการแต่งไม่ใช้เป็นมาตั้งแต่เกิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น